Personalize Marketing คืออะไร? อธิบายง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

Personalized Marketing หรือ การตลาดแบบ Personalization เป็นวิธีทำการตลาดที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และกำลังกลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและนำมาใช้ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าแต่ละบุคคลได้อย่างตรงใจ สร้างประสบการณ์ที่ดี และดึงดูดใจลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจทั้งยอดขายและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ

Personalized Marketing คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และแนวทางในการเริ่มต้นทำการตลาดแบบ Personalization

Personalized Marketing คืออะไร

Personalized Marketing หรือ การตลาดแบบเฉพาะบุคคล คือ กลยุทธ์การตลาดที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี มาวิเคราะห์พฤติกรรม ความชอบ และความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ โปรโมชัน หรือคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด

เป้าหมาย การตลาดแบบ Personalization คือ การสร้างประสบการณ์ส่วนตัวให้กับลูกค้าแต่ละคน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจพวกเขา รู้ใจพวกเขา และใส่ใจในความต้องการของพวกเขาจริงๆ หลายคนจึงนิยามกลยุทธ์การตลาดแบบนี้ว่า “การตลาดแบบรู้ใจ” นั่นเอง

Personalized Marketing มีประโยชน์อย่างไร

1. เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตลาดแบบ Personalized Marketing ช่วยให้เข้าใจความต้องการและความสนใจของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้สามารถนำเสนอสินค้า บริการ หรือคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจ กระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำ

2. เพิ่มยอดขายและกำไร

เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ตรงใจ พวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น และกลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อยๆ นอกจากนี้ การตลาดแบบ Personalized Marketing ยังช่วยลดต้นทุนการโฆษณา เพราะสามารถเลือกยิงโฆษณาเจาะจงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าหรือบริการของเราเท่านั้นได้เลย

3. ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด

การตลาดแบบ Personalized Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แท้จริง
ลดความเสี่ยงในการเสียเงินไปกับการโฆษณาที่ไม่จำเป็นและไม่ได้ผล ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลงและไม่สิ้นเปลือง

4. เพิ่มประสิทธิภาพการวัดผล

การตลาดแบบ Personalized Marketing วัดผลได้ง่าย เพราะสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อย่างละเอียด ว่าลูกค้าแต่ละคนตอบสนองต่อแคมเปญการตลาดอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับปรุงแคมเปญการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ในทันที

5. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

การตลาดแบบ Personalized Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจ เข้าใจความต้องการของพวกเขา และนำเสนอสิ่งที่พวกเขาชอบ ซึ่งจะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจ พร้อมที่จะบอกต่อผู้อื่น และทำให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำ ประสบการณ์ที่พิเศษและตรงใจเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

ตัวอย่าง Personalized Marketing

เคยไหม? ขณะที่คุณกำลังช้อปปิ้งออนไลน์เพลินๆ ก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากร้านค้าที่คุณชื่นชอบ บอกว่าสินค้าที่คุณชอบและสั่งซื้อบ่อยๆ กำลังมีโปรโมชันลดราคาอยู่ หรือลองนึกถึงเหตุการณ์ ตอนที่คุณกำลังดูคลิปรีวิวสินค้าใน YouTube แล้วมีโฆษณาแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่คุณเพิ่งดูไปเด้งขึ้นมา นี่แหล่ะคือ ตัวอย่างของ Personalize Marketing ที่แบรนด์ต่างๆ นำมาใช้

ทีนี้มาดูตัวอย่างธุรกิจใหญ่ๆ ที่ประสบความสำเร็จจากการทำ Personalized Marketing กันบ้าง อย่างเช่น Amazon มีการแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเคยดูหรือเคยซื้อ, Netflix แนะนำหนังใหม่ ที่คล้ายกับแนวที่เราชอบดูบ่อยๆ แสดงขึ้นมาให้เลือก, Spotify มีแนะนำเพลงใหม่หรือศิลปินที่ลูกค้าชอบฟัง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมี Personalized Marketing ที่เรามักจะเจอในชีวิตประจำวันอีกหลายอย่างเลย เช่น

• แนะนำสินค้าบนเว็บไซต์ : เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายแพลตฟอร์ม ใช้ข้อมูลการค้นหาและประวัติการซื้อของลูกค้า เพื่อแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องและมีแนวโน้มว่าลูกค้าจะสั่งซื้อ จัดแสดงไว้ในหน้าแรกให้ลูกค้าเห็นทันทีเมื่อเปิดเข้าหน้าเว็บไซต์หรือในแอปพลิเคชัน
• ส่งอีเมล : ธุรกิจต่างๆ สามารถส่งอีเมลที่ปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละคนได้ เสนอส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ เช่น อีเมลแนะนำสินค้าใหม่ อีเมลส่วนลดวันเกิด หรืออีเมลแจ้งเตือนสินค้าในตะกร้า เป็นต้น
• โฆษณา : แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook และ Google สามารถแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ

ข้อความแชท : แบรนด์ต่างๆ สามารถใช้แชทบอทเพื่อตอบคำถามและให้คำแนะนำแก่ลูกค้าแบบเรียลไทม์ โดยใช้ข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนที่เคยรวบรวมไว้

เริ่มต้นทำ Personalized Marketing มีขั้นตอนอะไรบ้าง

สำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่สนใจ อยากทำ Personalize Marketing แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี บทความนี้เรามีไอเดียมาฝาก เริ่มทำได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้เลย!

1. เก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า

เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ พฤติกรรมการซื้อ ประวัติการค้นหา ความสนใจ ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อทำ Personalize Marketing ได้

2. วิเคราะห์ข้อมูล

นำข้อมูลลูกค้าที่ได้ มาวิเคราะห์เพื่อหา Insight เกี่ยวกับความชอบ ความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน

3. แบ่งกลุ่มลูกค้า

แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามความต้องการและพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน

4. นำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงใจ

นำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อ

5. ใช้เครื่องมือ MarTech

ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการตลาดมากมาย ที่สามารถช่วยแบรนด์ทำ Personalize Marketing ได้ง่ายๆ เช่น CRM, CDP, Marketing Automation การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยประหยัดแรง ประหยัดเวลา สะดวก รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์แม่นยำอีกด้วย

บทสรุป

Personalize Marketing ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์หรือการทำธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันสูงมากอย่างทุกวันนี้ การเข้าถึงใจลูกค้าเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก วิธีทำการตลาดแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผลดี อาจไม่เพียงพออีกต่อไป

การตลาดแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalize Marketing จึงเป็นวิธีทำการตลาดที่แบรนด์ต่างๆ ควรนำมาใช้ เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า สร้างการจดจำแบรนด์ เพิ่มยอดขายและผลกำไร ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และยังทำให้แบรนด์โดดเด่นได้เปรียบคู่แข่งอีกด้วยอย่างไรก็ตาม การทำ Personalize Marketing จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าควบคู่ไปด้วย แบรนด์ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และใช้ข้อมูลนั้นอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าคนสำคัญ